WELCOME

Present Simple Tense

หลักการใช้ Present Simple Tense
1.    ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา 
หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา 

 เช่น   I drink a lot of water. (ฉันดื่มน้ำเยอะ)

2.    ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือ ใช้เพื่อแสดงความถี่ของการกระทำต่างๆ 
     โดยเรามักใช้กับ คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) 
มาช่วยในการแสดงความถี่ของการกระทำ 
เช่น    I always do my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสมอ) 

*อย่างไรก็ตามประโยคที่มี คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็น Present Simple Tense เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ประโยคนั้นกล่าวถึง การกระทำในช่วงเวลาใด เช่น
I usually went to a museum. (Past Simple Tense)
I will always love you. (Future Simple Tense)

3.    ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไป (fact) หรือ
 เป็นกฎทางธรรมชาติ (natural law)
โดยไม่จำเป็นว่าการกระทำนั้นๆ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือไม่ 
เช่น  Snow is white. (หิมะมีสีขาว)

4.       ใช้เมื่อต้องการพูดถึง ตารางเวลา (Schedule) หรือ แผนการ (Plan) 
ที่ได้วางไว้ 
   เช่น  The meeting starts from 8.30 am until 10.00 pm.
(การประชุมเริ่มตอนแปดโมงครึ่งตอนเช้าไปยังสี่ทุ่ม)

5.       ใช้ในการ แนะนำ บอกแนวทาง หรือ สอน 
เช่น   How do I get to the nearest mall? Go straight and turn left 
on the next corner.
(ฉันจะไปยังห้างที่ใกล้ที่สุดได้อย่างไร เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมข้างหน้า

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
  ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ประธานเอกพจน์กริยาเติม s, es)

I, You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
can
should
must
eat.


 ประธาน +กริยาช่วย+กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

I, You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
can
should
must
eat.

ตัวอย่าง 
eat a banana. ฉัน กิน กล้วย
She eats a banana. หล่อน กิน กล้วย
We should eat bananas. พวกเรา ควรจะ กิน กล้วย
He can eat banana. เขา สามารถ กิน กล้วย
A cat must eat bananas. ลิง ต้อง กิน กล้วย

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
 ประธาน + do/ does + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

I, You, We, They, Cats
do not
eat.
He, She, It, A cat
does not
eat.
ตัวย่อ 
do not  = don’t  /  does not = doesn’t  

ตัวอย่าง
don’t eat a banana. ฉัน ไม่ กิน กล้วย
She doesn’t eat a banana. หล่อน ไม่ กิน กล้วย

ประธาน + กริยาช่วย + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

I, You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
cannot
should not
must not
eat.

ตัวย่อ
cannot = can’t /should not = shouldn’t  / must not = mustn’t  

ตัวอย่าง
can’t eat a banana. ผมไม่สามารถกินกล้วย (กินกล้วยไม่เป็น)
She shouldn’t eat a banana. หล่อนไม่ควรกินกล้วย
You must not eat bananas. คุณต้องไม่กินกล้วย


โครงสร้างประโยคคำถาม
การทำประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่า ให้ดูว่ามี กริยาช่วย อยู่ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีให้เอากริยาช่วยนำหน้าได้เลย  ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้เอา Verb to do (Do, Does) มาใช้แทน

Do/Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

Do
I, you, we, they, cats
eat?
Does
    he, she, it, a cat
eat?

ตัวอย่าง
Do you eat a banana? คุณ กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, I do. /No, I don’t. ใช่  / ไม่
Does she eat a banana? หล่อน กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, she does. /No, she doesn’t. ใช่  / ไม่


หลักของการแปลคำตอบ จริงๆแล้ว ต้องตอบว่า Yes, I do eat a banana. แต่เนื่องจากว่าถ้าตอบอย่างนี้มันก็จะซ้ำกับคำถาม เลยถูกตัดทอนอยู่ที่กริยาช่วยแค่นั้นพอ และเวลาแปลจะแปลว่า ใช่หรือ ใช่ ผมกินกล้วยขึ้นอยู่กับผู้เรียนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่า มันมีที่มาที่ไปอย่างไร
กริยาช่วย + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

Can
Should
Must
I, You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
eat?

ตัวอย่าง
Can you swim? คุณ สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำเป็นไหม)
Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
Can’t you swim? คุณ ไม่สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม)
Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)
Should I go now? ผม ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, you should. ใช่ (ควรไป) No, you shouldn’t. ไม่ (ไม่ควรไป)
Must she go now? หล่อน ต้องไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, she must. ใช่ (ต้องไป) No, she mustn’t. ไม่ (ไม่ต้องไป)
ประเด็นที่ต้องจดจำ
1. ประโยคบอกเล่า ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาให้เติม s แต่ถ้าประโยคนั้นมีกริยาช่วยแทรกอยู่ ก็ไม่ต้องเติม s เช่น
She 
swims everyday.  หล่อนว่ายน้ำทุกวัน (เติม)
She 
can swim.  หล่อนสามารถว่ายน้ำได้ (ไม่เติม)
She 
must swim.  หล่อนต้องว่ายน้ำ (ไม่เติม)
She 
should swim. หล่อนควรจะว่ายน้ำ (ไม่เติม)
2.
ประโยคปฏิเสธ และคำถาม แม้จะเป็นประธานเอกพจน์ กริยาแท้ไม่เติม s ทุกกรณี เช่น
Does she 
swim everyday?
She does not 
swim.
Can she 
swim?
She can’t 
swim.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น