|
I,
You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
|
can
should must |
eat.
|
I,
You, We, They, Cats
He, She, It, A cat
|
can
should must |
eat.
|
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
ประธาน + do/ does +
not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
I,
You, We, They, Cats
|
do
not
|
eat.
|
He,
She, It, A cat
|
does
not
|
eat.
|
ตัวย่อ
do not = don’t / does not =
doesn’t
ตัวอย่าง
I don’t eat a banana. ฉัน ไม่ กิน กล้วย
She doesn’t eat a banana. หล่อน ไม่ กิน กล้วย
ประธาน +
กริยาช่วย + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
I,
You, We, They, Cats
He,
She, It, A cat
|
cannot
should not must not |
eat.
|
ตัวย่อ
cannot = can’t /should not = shouldn’t / must not =
mustn’t
ตัวอย่าง
I can’t eat a banana. ผมไม่สามารถกินกล้วย (กินกล้วยไม่เป็น)
She shouldn’t eat a banana. หล่อนไม่ควรกินกล้วย
You must not eat bananas. คุณต้องไม่กินกล้วย
โครงสร้างประโยคคำถาม
การทำประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่า ให้ดูว่ามี กริยาช่วย อยู่ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีให้เอากริยาช่วยนำหน้าได้เลย
ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้เอา Verb to do (Do, Does) มาใช้แทน
Do/Does + ประธาน +
กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
Do
|
I,
you, we, they, cats
|
eat?
|
Does
|
he, she, it, a cat
|
eat?
|
ตัวอย่าง
Do you eat a
banana? คุณ กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, I do. /No, I don’t. ใช่ / ไม่
Does she eat a
banana? หล่อน กิน กล้วย ใช่ไหม
Yes, she does. /No, she doesn’t. ใช่ / ไม่
หลักของการแปลคำตอบ
จริงๆแล้ว ต้องตอบว่า Yes, I do eat a banana. แต่เนื่องจากว่าถ้าตอบอย่างนี้มันก็จะซ้ำกับคำถาม
เลยถูกตัดทอนอยู่ที่กริยาช่วยแค่นั้นพอ และเวลาแปลจะแปลว่า “ใช่” หรือ “ใช่ ผมกินกล้วย” ขึ้นอยู่กับผู้เรียนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่า
มันมีที่มาที่ไปอย่างไร
กริยาช่วย +
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)
Can
Should Must |
I,
You, We, They, Cats
He,
She, It, A cat
|
eat?
|
ตัวอย่าง
Can you swim? คุณ สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำเป็นไหม)
Yes, I can. ใช่
(ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่
(ว่ายไม่เป็น)
Can’t you swim? คุณ ไม่สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม
(คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม)
Yes, I can. ใช่
(ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่
(ว่ายไม่เป็น)
Should I go now? ผม ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, you should. ใช่ (ควรไป) No, you
shouldn’t. ไม่ (ไม่ควรไป)
Must she go now? หล่อน ต้องไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม
Yes, she must. ใช่ (ต้องไป)
No, she mustn’t. ไม่
(ไม่ต้องไป)
ประเด็นที่ต้องจดจำ
1. ประโยคบอกเล่า ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาให้เติม s แต่ถ้าประโยคนั้นมีกริยาช่วยแทรกอยู่ ก็ไม่ต้องเติม s เช่น
She swims everyday. หล่อนว่ายน้ำทุกวัน (เติม)
She can swim. หล่อนสามารถว่ายน้ำได้ (ไม่เติม)
She must swim. หล่อนต้องว่ายน้ำ (ไม่เติม)
She should swim. หล่อนควรจะว่ายน้ำ (ไม่เติม)
2. ประโยคปฏิเสธ และคำถาม แม้จะเป็นประธานเอกพจน์ กริยาแท้ไม่เติม s ทุกกรณี เช่น
Does she swim everyday?
She does not swim.
Can she swim?
She can’t swim.
She swims everyday. หล่อนว่ายน้ำทุกวัน (เติม)
She can swim. หล่อนสามารถว่ายน้ำได้ (ไม่เติม)
She must swim. หล่อนต้องว่ายน้ำ (ไม่เติม)
She should swim. หล่อนควรจะว่ายน้ำ (ไม่เติม)
2. ประโยคปฏิเสธ และคำถาม แม้จะเป็นประธานเอกพจน์ กริยาแท้ไม่เติม s ทุกกรณี เช่น
Does she swim everyday?
She does not swim.
Can she swim?
She can’t swim.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น